หลังจาก แมนฯซิตี้ ชนะ เชลซี เมื่อวาน แต้มห่างเพิ่มเป็น 13-14 แต้ม
หลายคนบอกว่าพรีเมียร์ลีกเริ่มหมดสนุกซะแล้วเรื่องการลุ้นแชมป์
ครับ…ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นด้วยมาตรฐานของแมนฯซิตี้ เทียบกับผู้ท้าชิง มันมีความต่าง เพราะตารางไม่เคยโกหก 12 นัดล่าสุดเรือใบสีฟ้าชนะรวด 36 แต้มเต็ม เชลซีกับลิเวอร์พูล ทำแต้มตกหล่นให้จากผลเสมอและแพ้ มันก็เลยห่างสองหลักธุรกิจโฆษณา แล้วลิเวอร์พูลที่ลงสนามเจอกับเบรนต์ฟอร์ดละ…
แน่นอน “หงส์แดง” มีหน้าลดช่องว่างจากจำนวนเกมในมือสองเกมสูงสุดคือเหลือ 8 ธุรกิจโฆษณา
โดยต้องเริ่มจากนัดเตะกับเบรนต์ฟอร์ดที่ พวกเขาพลาดท่าเสมอต้นซีซั่น 3-3 ทางทฤษฎีเด็กหงส์เขาก็ยังมีความหวัง…
ทางปฏิบัติ….แมนฯซิตี้ คงพลาดยาก
โอเค…เกมลิเวอร์พูลกับเบรนต์ฟอร์ด นัดนี้พิสูจน์การเล่นเพื่อให้ชนะคู่แข่ง ในเกมที่ต้องการชนะ และในเกมที่ไม่มี โม ซาลาห์ , ซาดิโอ มาเน (ครั้งแรกนับจาก 21 พ.ค. 2017 ที่ไม่มีสองคนนี้ในชุดแรก เกมนั้นชนะโบโร 3-0) และในเกมที่เจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีมนัดที่350

เกมแพลนสองโค้ช
นัดนี้ เจเค ปรับสองตำแหน่งจากเกมเสมออาร์เซนอลในลีก คัพ เคอร์ติส โจนส์และ อ๊อกซ์เลด เชมเบอร์เลน ลงตัวจริง มินามิโนะ กับ มิลเนอร์พักไป ดูจากการยิงในสนาม30 นาทีแรก 4-4-2 โชตากับ ฟีร์มีโน สลับกันเล่นหน้าต่ำ ด้านข้างซ้าย โจนส์ ขวา คือ เฮนโด โดย ฟาบินโญ่ เป็นตัวคุมเกมทั้งหมด แต่พอเล่นไปแดนกลางสลับกันได้ ข้างหน้าก็สลับกัน เพราะ เบรนต์ฟอร์ด รับอย่างเดียว การวิ่งสลับตำแหน่งกันก็เกิดขึ้นได้
ส่วนทางด้าน โทมัส แฟร้งค์ มาในแผน 3-5-2 ตามปกติของพวกเขา ได้สามเซนเตอร์ อาเยร์, พินนอคและ ยานส์สัน วิงแบ๊กแม้ เซร์กี คายอส ฟิต แต่มีชื่อสำรอง (เด็กเก่าลิเวอร์พูล ทัน เจเค เฉย) ใช้ โรเออร์สเลฟ ด้านขวา ทางซ้าย ริโก กลางสนามคน ยาเนลต์, บับติสเต้, การ์ด หน้าคู่ เอมโบโม และ โทนี เกมแพลนของแฟร้งค์ ไม่ได้ลึกลับอะไร ตั้งรับลึกหน้ากรอบ 18 หลา ยืนกันแน่น ป้องกันด้านข้างไม่ให้ลิเวอร์พูล โจมตีได้ง่ายๆ มีมาเล่น 2-1 หรือ 3-2 ตลอด บีบให้คืนหลังไม่ให้พลิกบอล เด็กหงส์เสียเมื่อไหร่ก็ โจมตีเร็วทันที ซึ่งมีบ้างช่วงท้ายครึ่งแรก

เกมรุกหงส์เจาะไม่เข้า
ทุกคนต้องมองเรื่องการไม่มี โม ซาลาห์ และ มาเน่ ช่วยเกมรุก แต่ปัญหานัดนี้ถ้ามีสองคน ก็ไม่ง่ายเช่นกัน เพราะ เบรนต์ฟอร์ดถอยรับเป็นหลังห้า บวกกองกลางอีกสาม และหน้าสองคน ลงมาระยะ 40 หลา ป้องกันด้านข้าง บีบให้ครอสไกลจากริมเขตโทษ ซึ่งสามเซนเตอร์ยืนตระหง่านสูงใหญ่ทั้งนั้น ลูกครอสของเทรนต์ ก็ติดหัวกองหลังหมด การเล่นหน้าไลน์เกมรับบอลช่อง มีโอกาสน้อย เพราะไม่ใช่ทางถนัดหงส์แดง
กับดักล้ำหน้า
แนวรับที่ดันขึ้นสูง ทั้ง ฟานไดจ์ และ มาติป เช็คไลน์ล้ำหน้าได้ดี ในครึ่งแรก การรุกเร็วของ เอมโบโม, โทนี ติดกับดักล้ำหน้าหมด ก็เป็นทางแก้ลำได้ดี สำหรับทีมที่มีหน้าเร็วแล้วรอสวนกลับ เพียงแต่ครึ่งหลังเกือบเสียประตูเหมือนกัน เพราะเช็คพลาด จากจังหวะยิงของ เอมโบโม ที่หลุดกรอบ
เซตพีซได้ประตู
ลูกเตะมุมคือทางเดียวที่ได้ลุ้นที่สุด จังหวะใกล้เคียงสุดคือ ฟานไดจ์ ได้โอกาสเก็บบอลสองในเขตโทษแล้วยิง แต่ติดเซฟ เฟร์นานเดส หลังจาก กองหลังโหม่งบอลพลาดมาเข้าทาง ฟานไดจ์ จากนั้นลูกเตะมุมครั้งที่หกท้ายครึ่งแรกทำให้ลิเวอร์พูลได้ประตู จากเทรนต์ เปิดเสาแรกให้ ฟานไดจ์ โหม่งไม่โดนบอลกระดอนพื้นไปเสาสอง ฟาบินโญ ประกบกับ อาเยร์ แต่บอลกระดอนเข้าเหลี่ยมหัวพอดี โหม่งเสียบเสา 1-0 เป็นลูกที่สองในพรีเมียร์ลีกของ ฟาบินโญ ซีซั่นนี้
นี้คือประตูที่สำคัญได้ก่อนหมดครึ่งแรก….พอดี

ครี่งหลังเบรนต์ฟอร์ด เปิดพื้นที่
ครึ่งหลังเบรนต์ฟอร์ด เดินมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ลิเวอร์พูลมีพื้นที่ในการเล่นง่ายขึ้นกว่าครึ่งแรกโดยเฉพาะแดนสาม ซึ่งการเดินเกมรุกมาถึงแดนสองของเบรนต์ฟอร์ด ทำให้พวกเขาได้ลุ้นประตูตีเสมอก่อน จาก เอมโบโม ที่ได้ยิงระยะ 18 หลาหลุดกรอบออกไป ซึ่งการเดินเข้าหามากขึ้นก็ทำให้ความรัดกุมหายไป แถมมีจังหวะเสียบอลระยะ 40 หลาให้ลิเวอร์พูลจนเกือบโดนลูกสองจาก โชต้า ที่ได้บอลจาก ฟีร์มีโน แต่ โชต้ายิงติดหัวไหล่ เฟร์นานเดส ระยะ 12 หลา การที่เบรนต์ฟอร์ด เริ่มเดินเกมมากขึ้นก็ทำให้ลิเวอร์พูลได้โอกาสโจมตีง่ายขึ้นเช่นกัน
ลูกครอสได้ประตู
ประตู2-0 มาจากจังหวะการครอสบอลที่พยายามตั้งแต่ครึ่งแรก เที่ยวนี้เป็น รอบโบ้ เปิดไปเสาสอง ตรงนั้นมีกองหลังสองคน มีพินนอค กับ คายอส ปรากฏว่า พินนอค โหม่งไม่โดน บอลตกในจังหวะ อ๊อกส์เลด แชมเบอร์เลน แทรกตัวเข้ามาโหม่งตุงตาข่าย เป็น 2-0 น.68 ประตูที่ต้องการ และทำให้เล่นง่ายขึ้น มีโอกาสมากขึ้น
เบิร์ธเดย์บอย…ทาคิ

ประตู 3 มาจากการขึ้นไปเพรสแดนบน ในจังหวะบิลด์ อัพของ เบรนต์ฟอร์ด ปรากฏว่า เฟร์นานเดส ออกบอลพลาด จะให้ จังหวะนั้น ฟีร์มีโน อ่านเกมแล้ววิ่งเข้าไปแย่งได้ บอลถึง มินามิโนะ แปะให้ ฟีร์มีโน แปะ คืน มินามิโนะ ยิงเข้าง่ายๆ 3-0 น.77 ฉลองวันเกิดปีที่ 27 อย่างมีความสุข
สิบนาทีสุดท้ายสุดท้าย เด็กหงส์ฝั่ง เดอะ ค็อป เอ็นด์ ร้องเพลงให้ ราฟาเอล เบนิเตส เหมือนที่พวกเขาเคยร้อง ซึ่งคงทราบจากโซเชียลแล้วว่าโดนไล่ออกจากเอฟเวอร์ตัน rafa rafael rafa rafael ยังคงเป็นโค้ชที่เดอะ ค็อป รักอยู่เสมอแม้จะไปคุมทอฟฟีก็ตาม
จบเกมนี้ได้ชัยชนะอย่างที่ต้องเป็นไป เพราะมันคือสามแต้มสำคัญ
มันคือการพิสูจน์ต่อทีมที่มาเล่นเกมรับลึกหน้าเขตโทษ เหมือนหลายทีมที่ทำ แล้วลิเวอร์พูลมักมีปัญหา ยิ่งไม่มี โม ซาลาห์ และ มาเน ยิ่งต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า พวกเขายังมีวิธีการยิงประตูและเอาชนะคู่แข่งให้ได้ ซึ่งมันก็ชนะขาด 3-0
ประเด็นนี้สำคัญมาก

ชัยชนะทำให้ขึ้น “รองจ่าฝูง” แล้วตามแมนฯซิตี้ 11 แต้มโดยมีเกมในมืออีกหนึ่งเกม
คือตอนนี้ ลิเวอร์พูลคงต้องเล่นตามเกมของตัวเองและเล่นออกมาให้มีผลงานดีสุด แม้การลุ้นแชมป์จะยากลำบากเพราะ แมนฯซิตี้ คงไม่หลุดง่ายๆ